มานะ: เมื่อวานแย่จัง ทำให้แม่ต้องซักผ้าใหม่อีกรอบ เสียค่าน้ำ เสียค่าไฟฟ้าไปอีกเยอะเลย
มานี: ทำไมล่ะ
มานะ: ก็ขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มที่บ้านป้ายมันหายไป เราไม่รู้ กลายเป็นเอาน้ำยาซักผ้าใส่เครื่องซักผ้าทั้งสองช่องเลย กลายเป็นว่ามีน้ำยาซักผ้าเคลือบผ้าแทนน้ำยาปรับผ้านุ่ม ขืนแห้งแล้วเอามาสวมคงจะคันยิบยับเลยแหละ แม่บอกว่า สังเกตง่ายนิดเดียว น้ำยาซักผ้าจะใสเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนน้ำยาปรับผ้านุ่มจะขุ่นเหมือนน้ำนม หรือว่า ครีมสลัดอะไรอย่างนั้นแหละนะ
มานี: เรื่องนี้ ก็ตรงกับที่พวกเราเรียนเลยไง เรื่องสารละลาย ก็คือ น้ำยาซักผ้า ซึ่งมีสารประเภทละลายได้ดีในน้ำหลายชนิดมาผสมกันกลายเป็นเนื้อเดียวกันมองดูใส ส่วนน้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีสารที่ละลายได้ในไขมันเพื่อทำให้เส้นใยผ้านุ่มอยู่ปนกับพวกที่ละลายในน้ำ จึงต้องใช้ตัวอีมัลซิไฟเออร์ให้ผสมกันได้และอยู่คงตัว อนุภาคขนาดเล็กจิ๋วของมัน จะกระจายกันอยู่ในน้ำ จัดเป็นคอลลอยด์ประเภทหนึ่งนะ ที่จริงอีมัลชั่นนี่เราพบเห็นบ่อยทุกวันก็นมไงเราดื่มกัน ทุกวันอยู่แล้ว
มานะ: อืม หลักการพวกนี้หากเราเอามาใช้ในชีวิตประจำวันสักหน่อยก็จะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรได้ดีทีเดียวนะ
ข้อเสนอแนะสำหรับครู
พัฒนาทักษะการสังเกตด้วยการมอบหมายให้ทำรายการเครื่องอุปโภคบริโภคที่เป็นสารละลาย อีมัลชั่น เพิ่มเติม และ ทดลองทำเอง เช่น ทำน้ำสลัดสูตรลดคลอเลสเตอรอล ว่าจะใช้สัดส่วนส่วนผสมต่างๆเท่าใดจึงจะได้อีมัลชั่น ที่ไม่แยกชั้นได้นาน นานเพียงใด จัดเป็นการทำโครงงานได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://honghuatshop.blogspot.com/2010/10/diy-liquid-detergent-for-machine.html – ส่วนผสมน้ำยาซักผ้าสำหรับเครื่อง
http://www.siamchemi.com/น้ำยาปรับผ้านุ่ม/ – ส่วนผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง
สาระที่ 3: สารและสมบัติของสาร
ว 3.2 ม.1/1 ทดลองและอธิบายวิธีเตรียมสารละลายที่มีความเข้มข้นเป็นร้อยละ และอภิปรายการนำความรู้เกี่ยวกับสารละลายไปใช้ประโยชน์
